เที่ยว | กิน | วิ่ง | ปัว | น่าน

ว่าด้วยเรื่องชีวิตในสังคมปัจจุบัน … 3 อย่างที่เป็นกระแส

1 Slow life = ใช้ชีวิตอย่างช้า

2 Clean food = ทานอาหารดีต่อสุขภาพ มีประโยชน์ พอดี สะอาด

3 Eco- tourism = ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ

ดังนั้น ทริปนี้ก็เกิดขึ้นได้ด้วย 3 อย่างดังกล่าว ใช้ชีวิตอย่างช้าไม่รีบเร่ง กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และได้ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติตามวิถีท้องถิ่น

… ที่นี่เมืองปัว จ. น่าน … กับ ทริปนี้ เที่ยว กิน วิ่ง (รูปอาจจะโทนสีเขียวนะคะ เนื่องจากเราไปช่วงทุ่งนากำลังจะออกรวง เขียวขจี สดชื่น ฟินเฟอร์ ^_^ )

ตั้งใจจะให้มาถึงเช้าที่ อ. ปัว ถึงจริงก็สว่างพอดี สิ่งแรกคือตามหาตลาดเช้า หาของกินแบบอาหารพื้นบ้านๆ ตะลุยตลาดเดินเลือกซื้อของกินตามใจแต่ละคน แล้วมารวมกันกินที่ร้านกาแฟ (ขออภัยไม่สามารถจะถ่ายรูปมาได้ ความหิวบังตา ต้องรีบกิน ฮาๆ)

เริ่มต้นเที่ยวกันที่ วัดภูเก็ต จุดที่มองเห็นทุ่งนาขั้นบันไดที่สวยสุด มีระเบียงชมวิวมองเห็นทุ่งนากว้างสุดสายตา มีฉากหลังเป็นภูเขาคือวนอุทยานดอยภูคา วัดภูเก็ตเป็นวัดที่อยู่บนเนินเขาเล็กๆ หลายคนสงสัยทำไมอยู่จังหวัดน่านชื่อวัดภูเก็ต สอบถามชาวบ้าน ได้ความว่า วัดนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเก็ต และตั้งอยู่บนภูเขา เลยได้ชื่อว่า วัดภูเก็ต ภายในวัดยังทำเป็น Temple Stay สำหรับพักและปฏิบัติธรรมได้ ซึ่งก็คือที่พักอยู่ในวัดนั่นเอง ปฏิบัติธรรมท่ามกลางบรรยากาศวิวที่สวยงาม สบายตา อาจจะทำให้มีสมาธิและปฏิบัติธรรมได้ผลดีขึ้น

proud to present ทุ่งนาเขียวขจี สุดลูกหูลูกตา 🙂

ลั๊ลล๊าหน้าไม่ล้าง อิอิ

ชาวบ้านหาบอะไรก็ไม่รู้ 🙂

เดินลงไปดูห้องพัก Temple Stay จะมี 4 ชั้น ตั้งอยู่ใต้โบสถ์วัด เลยทำให้ลานโบสถ์เป็นดาดฟ้า วิวห้องพักมองออกมาจะเห็นทุ่งนานี้เลยนะคะ

เดินลงไปฟินในทุ่งนา

ชิล ชิล

น่าจะมีคันๆ บ้างละ

ประหนึ่งเดินอยู่บนแคทวอล์ค

ต่างมุมมอง ^_^

ยังคงเดินแบบอยู่บนพรมเขียว ^^


พ่อลูกผูกจิต น้องออกัส นักเดินทางตัวน้อยที่ติดสอยห้อยตามคุณพ่อเอกไปทุกที่ ฉายาเทอ คือ ออกัส 77 จังหวัด ปัจจุบันน่าจะเดินทางไปเกือบ 50 จังหวัดได้แล้วเนะ

เอาละ ฟินกับทุ่งนาตอนสายๆ แค่นี้พอ พรุ่งนี้มาแก้มือตอนเช้าๆ อีกที (ถ้าตื่นไหว อิอิ)

ลืมบอกว่าภาพที่ลงไปตะลุยทุ่งนาก่อนหน้านี้ มาถึงเช้าที่ปัว ก็ลงทุ่งนากันเลย คือ หน้าไม่ได้ล้าง ฟันไม่ได้แปรง แต่ลั๊ลล๊าหน้าเด้งได้ ^^,

ทริปนี้เราได้พี่แมวเจ้าถิ่นคนเมืองปัว อาสาตระเวนพาเที่ยว พากิน และใจดีให้ไปอาบน้ำตอนเช้าที่บ้านด้วยแหละ พี่แมวย้ายกลับมาทำงานที่บ้าน ด้านบริหารงานสาธารณสุข ที่เทศบาลตำบลปัว น่ารัก ใจดี จากรูปด้านล่าง พี่แมวคือคนขวาสุดนะคะ ส่วน 2 คนซ้ายคือน้องชะนี คริ คริ เนียนเข้าแก๊งได้เลย

(ขอบคุณเสื้อผ้าจากร้านลำดวนผ้าทอ อ.ปัว ซื้อมาชุดละ 180 บาท ก็สวยแบบพื้นเมืองได้)

หลังจากนั้นก็ไปช้อปปิ้งเสื้อผ้าพื้นเมืองที่ ร้านลำดวนผ้าทอ จำหน่ายเสื้อผ้า ผ้าทอลายน้ำไหล ไทลื้อ และมีผ้าหลากหลายรูปแบบให้เลือกชม ราคาจะอยู่ที่ตัวละ 150-300 บาท ไม่แพงเลยค่ะ เลือกซื้อและลองชุดกันหนุกหนาน ได้มาคนละชุดสองชุด บ้างก็ใส่เที่ยวเลยเหมือน 2 คนริมซ้ายด้านบน อิอิ

คุณยายเย็บผ้าอยู่หลังร้าน

และด้านหลังร้านลำดวนผ้าทอจะมี ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ ที่ตกแต่งร้านตามสไตล์ของชุมชนชาวไทลื้อผสมล้านนา มีมุมนั่งดื่มกาแฟเป็นกระท่อมมุงด้วยหลังคาใบจาก ท่ามกลางทุ่งนาข้าวมองเห็นวิวภูเขา


สะพานไม้ไผ่หลังร้าน


นางขอเดี่ยว

ขอสอง (ขอด้วยๆๆ มีเสียงตามมา)

ขอสาม ยัง ยังไม่ลุกออกไปอีก 555+

สุดท้ายจากรูปเดี่ยว ก็ได้รูปหมู่ตามที่เห็น มีเสียงร้องเรียกตามมาเข้ากล้อง ขอด้วยๆๆๆ เต็มเฟลมพอดี ^^.

ไปดีกว่า เที่ยงแล้วก็เริ่มหิว จัดกันไปร้านส้มตำแบบเพิงเล็กๆ สั่งมาสารพัดตำ ตำปู ตำปลาร้า ตำแตง ตำไทย ไก่ย่างจากที่กินแค่ไม่กี่ตัว แล้วก็จบที่ 5 หรือ 6 ตัวได้ กินกัน 13 คน เพลินไปหน่อย ไม่สามารถจะถ่ายรูปให้ดูได้ สงสารไก่ย่าง T_T

ต่อไปหาเห็ดกิน ที่ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ หาไม่ยากมีป้ายบอกและถามชาวบ้าน ^_^ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ จะมีฟาร์มเพาะเลี้ยงเห็ด ร้านอาหารและที่พัก ไม่ไกลจากที่นี่จะมี วังศิลาแลง ที่เป็นลำธารกัดเซาะตามซอกเขา ก่อนจะเดินไปดู ก็แอบสั่งอาหารว่างกินมื้อเบรคตอนบ่ายเบาๆ ด้วยเมนูแนะนำ พิซซ่าเห็ด ยำเห็ด และซุปเห็ด เพราะคิดว่าหลังจากเดินไปดูวังศิลาแลงกลับมาคงจะหิว แฮะๆ

เดินตามป้ายบอกทางจากฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำไปวังศิลาแลง มีเดินขึ้นเขาเล็กน้อยก็พบวังศิลาแลงดังที่เห็นนี้ค่ะ

ถ้ามาช่วงหน้าแล้งน้ำจะน้อย สามารถลงไปข้างล่างได้

มาเที่ยวธรรมชาติก็ช่วยกันรักษาธรรมชาติ และไม่ทิ้งขยะนะคะ

นั่นๆๆ ชี้อะไร ?

เดินกลับมาที่ร้านอาหารฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ มีโปสการ์ดรูปวังศิลาแลงขายด้วย ช่วงหน้าแล้งจะเป็นแบบในรูปนี้

อาหารเสร็จพอดี ลุย… อร่อย

ทางเดินไปลานจอดรถภายในฟาร์มเห็ด

อิ่มมื้อเบรคบ่ายแก่ๆ แล้วเข้าที่พักกัน แต่ก่อนจะถึงที่พักแวะตลาดสดชาวบ้าน ซื้อของสดและกับข้าวเข้าไปทำกินกันเอง เมนูเย็นนี้ ปลาเผา แกงอ่อมไก่ ยำหมูยอ และส้มตำที่หอบหิ้วปลาร้าต้มเองมาจากบ้าน

ถึงแล้วบ้านพักคืนนี้ เป็นบ้านหลังที่เจ้าของคือลุงสาครสร้างไว้ทำเป็นโฮมสเตย์ทั้งหลัง จะมี 1 ห้องใหญ่พัดลม และ 2 ห้องเล็กติดแอร์ ใต้ถุนบ้านโล่งเย็นสบาย มีพื้นที่ทำกับข้าวได้ด้วยแต่ไม่มีห้องครัว

ตอนแรกพวกเราโทรจองโฮมสเตย์บ้านตานงค์ แต่ไม่ว่างเพราะมีกลุ่มนึงเหมาไปทั้งบ้านแล้ว บ้านตานงค์ก็แนะนำอีกบ้านให้ ซึ่งเป็นญาติกัน คือของลุงสาครนี้ค่ะ ห่างออกมาหน่อย ก็คิดว่ากระจายรายได้แบ่งส่วนแบ่งการตลาดกันเนอะ ทั้งหลังเหมาคืนละ 2,000 บาท นอน 13 คน สบายๆ สนใจสอบถามได้นะคะ โทร 0871824561

จัดแจงเตรียมของทำกับข้าว ขอยืมเตาและอุปกรณ์ต่างๆ จากลุงสาคร แกก็หามาให้ เราก็ลุยกันเลย ก่อไฟ ล้างผัก หั่นผัก หั่นไก่ สับมะละกอ

ช่วยกันก่อไฟ

ช่วยกันปรุง

ช่วยให้กำลังใจ ตำส้มตำ ขอบอกว่าแซ่บเวอร์ ตำเครื่องปรุงในครกหินแล้วเอามาใส่ถุงเขย่า เรียกได้ว่า ตำถุง คู่แข่ง ตำถาด


หน่วยชิม ชิมจนอิ่ม 🙂

อาหารหน้าตาดีเชียว ส้มตำ ยำเห็ด และแกงอ่อมไก่ ทำอาหารกินเอง ไม่ใช่ได้แค่รสชาติที่เราปรุงเอง แล้วยังได้สนุกกับการเตรียม ปรุง ชิม และฝึกฝีมือการทำอาหาร สนุกสนาน ช่วยๆ กัน ไม่ท้องเสียด้วย คริ คริ

หน้าตาอิ่มเอม มีความสุข ปลื้มในฝีมือตัวเอง ถึงแม้จะแค่ล้างผักก็เถอะ ^^,

ทริปนี้กินคลีน อาหารดี สะอาด มีคุณภาพ ครบ 5 หมู่ และเกลี้ยงทุกสิ่งอย่าง อิอิ

อิ่มก็เม้าท์มอยพอหอมปากหอมคอ ก็หลับไหล เพลีย แล้วนัดกันว่าพรุ่งนี้ตอนเช้าพวกเราจะไปวิ่งจากบ้านพักไปวัดภูเก็ต ดูจาก GPS วัดระยะได้ 7 กิโลเมตร จิ๊บๆ ไหวอยู่แล้ว ใครจะไปวิ่งก็เริ่มสตาร์ท 6 โมงเช้านะ ใครไม่ตื่นก็นอนต่อไป แต่ก็ขับรถไปรับที่วัดภูเก็ตด้วย วิ่งกลับคงไม่ไหว 555+ ทริปนี้บอกกันไว้ก่อนว่าให้พกรองเท้าวิ่งติดมาด้วย จะซ้อมวิ่งชิลๆ ชมบรรยากาศทุ่งนา แล้วทุกคนก็พกรองเท้าวิ่งมาด้วย จริง จริง

เรามาถึงจุดนี้กันได้ยังไง ใส่รองเท้าวิ่งมาเที่ยว จากที่ต้องตื่นเช้าดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ก็วิ่งไปด้วย ดีนะ ได้คุณค่ามากขึ้น ^_^

ตัดภาพมาตอนเช้า ปลุกกันตื่น กว่าจะเริ่มวิ่งออกจากบ้านก็เกือบ 6 โมงครึ่ง พอได้ๆ ไม่สายเกินไป แดดอ่อนๆ

ระหว่างทางวิ่งไปก็เจอป้ายบ้านพักโฮมสเตย์หลายหลัง ด้านขวานี้ก็บ้านพักกลางทุ่ง

บรรยากาศดีเวอร์ แดดอ่อนๆ น้องออกัสก็ตื่นไปวิ่งกับพวกเราด้วย นางช่างอึด พ่อมันก็ช่างทรมานลูก แต่เค้าต้องได้เรียนรู้เอง ระยะ 7 กิโลเมตร เค้าต้องทำได้ซิ เนอะ

วิ่งผ่านหมู่บ้าน ทักทายชาวบ้านกลับจากไปทำบุญที่วัด

วิ่งตามถนนผ่านทุ่งนา

ผ่านลำธาร


และแล้วก็มาถึงวัดภูเก็ต ใช้แอพวัดระยะทางได้ 5 กิโลเมตรเองอ่ะ แต่ก็ใช้เวลาวิ่งเป็นชั่วโมง เดินวิ่ง ชิลๆ ชมวิว ก็มาถึงจนได้ น้องออกัสเธออาจจะมีเหนื่อยบ้างให้พ่อแบกบ้างแต่นางก็มาถึง สุดยอด เก่งมาก

มาชมบรรยากาศตอนวิ่งแบบเป็นวีดีโอคลิปสั้นๆ น่ารักๆ วิ่งออกกำลังกายท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นตอนเช้า ถือกล้องวิ่งเหมือนวิ่งถือคบเพลิงแข่งกีฬายังไงไม่รู้เนอะ

[youtube https://www.youtube.com/watch?v=hT6wQYhT8Qk]

พักให้หายเหนื่อย ก็วิ่งและเดินเล่นทุ่งนากันต่อ

จ่าเฉยก็มา

สายๆ แดดเริ่มมาละ


2 นางซ้ายขวานี้ไม่ได้วิ่งก็นั่งรถมารับพวกเรา

ไม่มีอะไรในกอข้าว …

ที่ลานวัด ล้อมวงฟังเรื่องราวประวัติของวัดภูเก็ตและอำเภอปัว โดยพี่แมวเป็นคนเล่าให้ฟัง จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ^^.

และพี่แมวก็ซื้อข้าวหลามแม่เพ็ญ ศิลาเพ็ญ ที่เป็นร้านทำข้าวหลามขึ้นชื่อในอำเภอปัวมาฝาก ร้านนี้ขายดี และอร่อย ข้าวกะทิ ไส้สังขยา คนสั่งซื้อเยอะ พี่แมวซื้อมาได้นิดๆ หน่อยๆ พอได้ชิมรสชาติ อร่อยจริงๆ ค่ะ

ถือได้ว่าเป็นการใช้ชีวิตให้เข้ากับกระแสในปัจจุบัน เป็น อยู่ คือ

Slow life = ใช้ชีวิตอย่างช้า

Clean food = ทานอาหารดีต่อสุขภาพ มีประโยชน์ พอดี สะอาด

Eco – tourism = ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ

อีกประเด็นสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิต คือ Exercise ออกกำลังกายให้สุขภาพแข็งแรง แม้จะมีเงินมากมายร่ำรวยมหาศาลแค่ไหน ก็ไม่สามารถซื้อสุขภาพที่แข็งแรงได้ เราต้องดูแลตัวเอง เพื่อตัวเราและคนที่เรารัก ขอแค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย ฮึบ ฮึบ …

——————————————————————–

Fanpage เที่ยวแล้วยัง กับ มิตรภาพ We like journey :www.facebook.com/welikejourney

เรื่องโดย ลิงเปิ้ล : lingple07@gmail.com

IG : lingple


Posted

in

by

Tags:

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *